กาโนเห็ดหลินจือ .:: [Powered by Siam2Web.com รับทําเว็บไซต์ ทำเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป ฟรีเว็บไซต์ สร้างเว็บไซต์]

หลินจือ สามารถควบคุมเบาหวานได้

“เบาหวาน” ดูเหมือนกำลังกลายเป็นโรคที่น่ากลัวกันทีเดียว โดยเฉพาะคนไทยเราทุกวันนี้ เป็นโรคเบาหวานกันหลายล้านคน นับวันมีแต่เพิ่มมากขึ้นอย่างน่ากลัว โดยเฉพาะที่น่ากลัวเป็นอันตรายมากที่สุดก็คือ คนที่เป็นเบาหวานโดยไม่รู้ตัว ไม่เคยไปตรวจ ไม่เคยอินังขังขอบประเภทนี้ พูดได้ว่า ตายกันได้ง่าย ๆ

คนที่มีโอกาสเป็นเบาหวานได้ง่ายและมีโอกาสเสี่ยงกับการเป็นเบาหวาน ก็คือ มาจากพันธุกรรม กินอาหารอย่างไม่บันยะบันยัง กินหวานจัด ความเครียด แรงกดดันทางจิต ออกกำลังกายไม่เพียงพอ หรือไม่ออกกำลังกายเลย และต้นเหตุที่ทำให้เป็นเบาหวานกันได้มากที่สุดอีกประเภทหนึ่งก็คือ “โรคอ้วน” ซึ่งสมัยก่อนนั้น มักเชื่อกันว่า คนที่มีอายุวัยกลางคนและวัยชรา มักจะเป็นคนอ้วนได้ง่าย จึงเป็นเบาหวานได้ง่าย แต่สำหรับโรคโลกาภิวัตน์ในวันนี้ ในทางเดินของกลุ่มวัยรุ่นก็กำลังก้าวเข้าสู่โรคนี้กันเป็นทิวแถวแล้ว เนื่องมาจากอาหารขยะจากแดนดินถิ่นตะวันตกที่กลายเป็นค่านิยมของวัยรุ่นในวันนี้ หรือแม้แต่เด็กทารกวัยไม่กี่ขวบก็เป็นเบาหวานกันมากมายทีเดียว มาจากพ่อแม่กินอาหารขยะ

แต่ ถ้าว่ากันจริง ๆ แล้ว “โรคเบาหวาน” ไม่ใช่เป็นโรคที่น่ากลัวนัก ถ้าหากผู้ที่เป็นแล้วรู้จักควบคุมดูแลตัวเอง แต่ถ้าหากไม่ล่ะ ตรงนี้แหละที่น่ากลัว เพราะ “เพื่อนเจ้าเบาหวาน” นี่แหละที่ “น่ากลัว” ซึ่งก็คือ “โรคแทรกซ้อนเบาหวาน” นั่นเองที่มีสิทธิ์ทำให้คน “ตาย” ได้ง่าย ๆ

อันดับแรก น้ำตาลในหลอดเลือดที่มีมากเกินไป เป็นตัวการที่เข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนังหลอดเลือด จนทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว ขณะเดียวกันตะกรัน (คอเลสเตอร์รอล) จับหนาขึ้นในผนังหลอดเลือด คราวนี้แหละลิ่มเลือดถ้าไม่สามารถผ่านได้ ก็เกิดการอุดตันในเส้นเลือด ถ้าเป็นในสมอง ก็เป็นอัมพฤกษ์ เป็นที่เส้นเลือดหัวใจก็คือเส้นเลือดหัวใจอุดตัน และจากสถิติของผู้เสียชีวิตจากเบาหวานสูงถึง 70% มักมาจากผนังหลอดเลือดแข็งตัว เส้นเลือดเกิดการอุดตัน

นอกจากนั้น ได้พบว่า โรคแทรกซ้อนเบาหวาน ส่วนใหญ่เป็นโรคที่มีความสัมพันธ์กับหลอดเลือด ดังเช่น ความดันสูง อัมพฤกษ์ อัมพาธ เส้นเลือดหัวใจตีบ อาการอักเสบของปอด เป็นนิ่ว ไตอักเสบ จนถึงขั้น ไตวาย เหล่านี้เป็นต้น

สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน มีวิธีที่จะควบคุมดูแลเบาหวานได้ง่ายที่สุด แต่ผู้ป่วยกระทำยากที่สุด (นี่คือความจริง) ก็คือ

ควบคุมดูแลอาหารการกิน เรียกว่า คุมด้านโภชนาการเป็นสำคัญที่สุด

          หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ (ทุกวันได้เป็นดีที่สุด)

          อย่าเครียด (ทำตัวให้ร่าเริง สนุกสนานหน่อย สดใสเป็นอาจินต์)

          ถ้าทำได้ ผู้เป็นเบาหวานก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างยืนยาว มีความสุข

          แต่ถ้า ปฏิบัติไม่ได้ล่ะ?

          ยืนยันแน่นอนว่า

          หลินจือ เป็นตัวเลือก “เยี่ยมที่สุด”

          คนจีนโบราณ รู้จักการใช้หลินจือในการดูแลรักษาเบาหวานเป็นพันปีแล้ว สมัยโบราณได้มีการบันทึกไว้เรียกโรคเบาหวานว่า “โรคกระหายน้ำ” ผู้ที่เป็นโรคกระหายน้ำโดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ก็คือ “ฉินซีฮ่องเต้” นั่นเอง คนที่เป็นเบาหวานและมีอัตราน้ำตาลเพิ่มขึ้นในหลอดเลือด มักรู้สึก “หิวน้ำ” บ่อย ดื่มน้ำเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหายหิวน้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อ “โรคกระหายน้ำ”

          ครั้นต่อมา นักวิจัยชาวญี่ปุ่น ได้พัฒนาวิจัยหลินจือใช้ในการรักษาโรคเบาหวานจึงได้เกิดขึ้น เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ได้ยืนยันว่า หลินจือสามารถควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือดได้ จนถึงขั้นสามารถควบคุมอยู่ในภาวะปรกติได้ในระดับหนึ่ง

          การที่หลอดเลือดมีน้ำตาลมากเกินไป ไม่สามารถย่อยสลายได้ สืบเนื่องมาจากตับอ่อนผลิตอินซูลินที่เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งไปย่อยน้ำตาลในเส้นเลือดไม่เพียงพอ อีกทั้งไขมันที่สะสมอยู่นั้น ได้เกิดเป็นกรดไขมันมากเกินไป อินซูลินไม่เพียงพอไปทำลายได้

          หลังจากที่นักวิจัยญี่ปุ่นได้ทำการศึกษาและวิจัย ได้พบว่า หลินจือสามารถทำงานแทนอินซูลินได้ สามารถเข้าไปควบคุมการเกิดกรดไขมันในหลอดเลือดดีทีเดียว

          จากการวิจัยดังกล่าว ไม่ได้ยืนยันว่า หลินจือมีอินซูลินไปย่อยน้ำตาลในเส้นเลือด แต่ได้พิสูจน์ว่า หลินจือมีสารประกอบทางยาที่สามารถทำหน้าที่คล้ายอินซูลิน มีประสิทธิภาพที่ทดแทนอินซูลินได้ อันเป็นสาเหตุที่หลินจือสามารถควบคุมโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          สารประกอบทางยาดังกล่าวได้แก่ กาโนแลน เอ และ บี ตลอดจน LZ-8 ซึ่งเป็นฮอร์โมนเฉพาะตัวของหลินจือ แล้วก็ยังมี ออร์แกนิคเจอร์มาเนี่ยม และ โพลีแซคคาไลซ์ เป็นต้น

          เพราะฉะนั้น กินหลินจือเพื่อควบคุมเบาหวาน สำคัญที่สุด เพื่อลดอัตราเสี่ยงไม่ให้เกิด “โรคแทรกซ้อนเบาหวาน” ที่เป็นสาเหตุทำให้คนตาย

Advertising Zone Close